สวัสดีครับ บก. ขวัญ คนเดิมมาแล้ว
แน่นอนว่าต้องมีเรื่องจีน ๆ สนุก ๆ มาฝากอีกเช่นเคย เดี๋ยวจะไม่ตรงคอนเซปต์ “อยากรู้เรื่องจีน นึกถึงสุขภาพใจ”
วันนี้ ผมมีเรื่องของอาหารชนิดหนึ่งมาเล่าให้ฟัง อาหารชนิดนี้จะว่าไปก็มีมานานราว 1,800 กว่าปีแล้ว ! ที่นานขนาดนั้น เพราะเกิดขึ้นในสมัยสามก๊ก (ค.ศ. 220-280) ที่หลายคนคงรู้จักกันดี และผู้ที่ทำให้อาหารชนิดนี้เกิดขึ้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาก็คือ ขงเบ้ง (孔明) กุนซือผู้ปราดเปรื่องแห่งยุคนั่นเอง แต่จะว่าไปก็ไม่ใช่ขงเบ้งเป็นผู้ทำอาหารชนิดนี้โดยตรง ต้องเรียกว่าเป็นผู้ที่มีส่วนทำให้เกิดขึ้นน่าจะเหมาะสมกว่า อาหารที่พูดถึงนี้มีชื่อเรียกว่า “หงส์คู่มังกร” ฟังชื่อดูยิ่งใหญ่อลังการใช่ไหมครับ อย่ารอช้า มารู้จักอาหารชนิดนี้กัน
หงส์คู่มังกร เป็นชื่ออาหารจีนที่ขึ้นชื่อของเมืองจิงโจว (荊州ในมณฑลหูหนาน 湖南省) เรียกเป็นภาษาจีนกลางว่า หลงเฟิ่งเพ่ย (龍鳳配) ลักษณะเด่นของอาหารชนิดนี้คือ มีสีเหลืองทองเป็นมันวาว กรอบนอกนุ่มใน รสชาติเปรี้ยวหวาน กลิ่นหอมหวนชวนลิ้มลอง รูปลักษณ์อาหารสวยงามน่าจับตา
อาหารชนิดนี้เกิดขึ้นในตอนที่จ๊กก๊กของเล่าปี่ (劉備) กับง่อก๊กของซุนกวน (孫權) ร่วมมือเป็นพันธมิตรกันเพื่อต่อต้านวุยก๊กของโจโฉ (曹操) หลังจากที่โจโฉแพ้อย่างย่อยยับในศึกผาแดง (เซ็กเพ็ก 赤壁) แล้ว พันธมิตรซุน-เล่าก็เริ่มเค้าลางมีปัญหา เนื่องจากเล่าปี่ขอยืมเมืองเกงจิ๋วจากซุนกวนตามคำแนะนำของขงแบ้ง เพื่อใช้เป็นสถานที่ตั้งตัวและบอกจะคืนให้เมื่อได้ครองแคว้นเอ๊กจิ๋ว (益州) แล้ว การยืมเมืองเพื่อเป็นที่ตั้งตัวคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับการเป็นพันธมิตรกัน แต่ทว่าจนแล้วจนรอดเล่าปี่ยืมเกงจิ๋วไปแล้วไม่ยอมคืนให้ง่อก๊ก ดังนั้น ซุนกวนจึงต้องคิดหาอุบายเพื่อให้ได้เมืองคืน หนึ่งในอุบายนั้นก็คือ การเชิญให้เล่าปี่มาแต่งงานกับนางซุนฮูหยินน้องสาวซุนกวนที่กังตั๋ง ตามคำแนะนำของจิวยี่ (周瑜) เบื้องหน้าก็บอกเพื่อความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของทั้งสองก๊ก แต่เบื้องหลังก็เพื่อกักตัวเล่าปี่ไว้เป็นตัวประกันแลกกับเมืองเกงจิ๋ว ขงเบ้งรู้ดีว่าการแต่งงานครั้งนี้เป็นแผนการทางการเมือง แต่ก็มีแผนแก้ไขอยู่แล้วในใจ จึงให้จูล่งเดินทางไปกับเล่าปี่ พร้อมฝากแผนการในถุงแพรไปให้ด้วย 3 ใบ
เมื่อเล่าปี่ไปถึงกังตั๋ง จูล่งก็ทำตามอุบายในถุงแพรใบแรก ให้ทหารที่ติดตามป่าวประกาศไปทั่วเมืองว่าเล่าปี่เดินทางเพื่อมาแต่งงานแล้ว และให้เล่าปี่บอกเรื่องนี้กับเกี้ยวก๊กโล (喬國老) พ่อตาของจิวยี่ เพื่ออาศัยปากบอกนางง่อก๊กไถ้มารดาซุนกวน ทำให้การแต่งงานลวงกลายเป็นงานแต่งจริง
เมื่อแผนการหลอกให้มาแต่งงานกลับตาลปัตรไปดังนั้น จิวยี่จึงออกอุบายใหม่ ให้กักตัวเล่าปี่ไว้ที่กังตั๋ง สร้างที่วิจิตรให้เล่าปี่อยู่กับนางซุนฮูหยินอย่างสุขสบาย ปรนเปรอให้ลืมกลับเกงจิ๋ว ลืมปณิธานใหญ่เสีย แต่จูล่งก็อาศัยแผนในถุงแพรใบที่สอง เมื่อฤดูหนาวมาถึง ก็เข้าไปรายงานเล่าปี่ว่า โจโฉเตรียมบุกเกงจิ๋วเพื่อแก้แค้น ทำให้เล่าปี่ได้สติ อาศัยนางซุนฮูหยินออกหน้าลวงนางง่อก๊กไถ้ว่าจะไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่ริมน้ำ เพื่อหาทางหนีกลับเกงจิ๋ว
ซุนกวนรู้ว่าเล่าปี่กำลังจะหนีกลับเกงจิ๋ว จึงให้ทหารไล่ตามจับกลับมา แผนการในถุงแพรใบที่สามจึงถูกใช้ โดยให้เล่าปี่บอกความจริงทั้งหมด ที่ซุนกวนหลอกมาแต่งงานเพื่อกักเป็นตัวประกันแลกกับเมืองเกงจิ๋ว ให้ซุนฮูหยินออกหน้า สกัดทางถ่วงเวลาให้เล่าปี่หนี ในที่สุด ทั้งเล่าปี่และซุนฮูหยินก็กลับสู่เกงจิ๋วได้อย่างปลอดภัยด้วยแผนของขงเบ้ง เล่าปี่เองก็ยังได้ภรรยาคนใหม่อีกด้วย
เมื่อเล่าปี่กลับมาแล้ว ขงเบ้งอยากจัดงานฉลองและเลี้ยงต้อนรับ จึงให้พ่อครัวคิดอาหารขึ้นจานหนึ่ง โดยอาหารจานนี้ต้องมีวัตถุดิบที่เป็นลักษณะเด่นของเมืองเกงจิ๋ว และต้องมีความหมายที่เป็นมงคลเหมาะกับงานเลี้ยงฉลองด้วย เมื่อพ่อครัวคิดโจทย์ได้และปรุงอาหารพิเศษนี้มาแล้ว ก็ยกมาให้ขงเบ้งดู อาหารจานนี้ ทำจากเนื้อปลาไหลเหลืองที่ขึ้นชื่อของเมืองเกงจิ๋ว แล่เนื้อและกระดูกออกจากกัน มีหมูเนื้อแดงและมันหมูบดละเอียด คลุกกับเกลือ แป้ง ไข่ไก่ และขิงสับ ทำเป็นไส้ทอดติดกับตัวปลาไหล แล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ จัดวางเป็นรูปลักษณะมังกร ราดด้วยน้ำซอสที่ปรุงจาก ซอสถั่วเหลือง น้ำส้มสายชู กระเทียมสับ ต้นหอมหั่นท่อน น้ำตาลทรายขาว น้ำซุป และแป้งมัน และยังมีไก่ต้มสุกที่เอาเครื่องในออก ผึ่งลมจนแห้ง จัดวางให้เป็นรูปลักษณะหงส์ไว้คู่กัน
เมื่อเล่าปี่และนางซุนฮูหยินได้ชิมอาหารสุดพิเศษจานนี้ ต่างเอ่ยปากชมและถามว่าอาหารจานนี้เรียกว่าอะไร ขงเบ้งจึงตอบว่า อาหารจานนี้เรียกว่า “หลงเฟิ่งเพ่ย” (หงส์คู่มังกร) มีความหมายเป็นมงคล ที่เปรียบการแต่งงานของเล่าปี่กับซุนฮูหยินดุจดังมังกรคู่กับพญาหงส์ฉะนั้น ต่อมา อาหารจานนี้ได้เผยแพร่สู่คนทั่วไป รูปลักษณะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ก็ยังเป็นอาหารขึ้นชื่อที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน
เป็นอย่างไรครับ เรื่องของอาหารที่ผมนำมาฝากกันในวันนี้ คงจะชื่นชอบกันนะครับ และอาหารจีนยังมีอยู่อีกมากมาย นอกจากรสชาติที่อร่อยเป็นเอกลักษณ์ อาหารแต่ละอย่างก็มีที่มาที่น่าสนใจอีกด้วย ไว้มีโอกาสผมจะได้นำมาฝากกันอีก ส่วนใครที่อยากรู้จักอาหารจีนมากขึ้น ก็ติดตามเพิ่มเติมได้ใน ต้นกำเนิดอาหารจีน โดย สีว์สือเทา ที่ร้านหนังสือชั้นนำและสำนักพิมพ์สุขภาพใจ
แล้วพบกันใหม่ครับ...
หนังสือที่เกี่ยวข้อง
![]() |
ต้นกำเนิดอาหารจีน ประพันธ์โดย สีว์สือเทา ราคา 200.00 บาท |