ทำไมพูดแล้วถึงถูกเกลียด?

วิธีพูดมีทั้งที่ถูกคนชอบและคนที่ถูกเกลียด ตัวอย่าง “จุดร่วม”

ของคนที่พูดแล้วถูกเกลียดมาให้ดูกัน

คนที่ชอบพูดขัดคอ ไม่หยุดหย่อน เช่น “แต่ว่า” “ก็มัน” “ไม่ได้”

คนแบบนี้จะถูกเกลียด โดยเฉพาะคำว่า “แต่ว่า” อยากจะให้ระวังเป็นพิเศษ ถ้ามีใครสักคนขัดขึ้น ก็คงไม่มีใครรู้สึกดี ถ้าเอาแต่ใช้คำว่า “แต่ว่า” ขัดจังหวะอยู่ตลอด ก็จะส่งผลเชิงลบไปตลอดการสนทนา

คนที่คุยเรื่องกินที่ลับไขที่แจ้ง คนที่คุยเรื่องหยาบโลน คนที่คุยเรื่องกินที่ลับไขที่แจ้งก็คือคนที่คุยว่า “ตัวเองก็แค่จีบ เล่นๆ” คนรอบข้างยิ้มพยักพเยิดว่า “อ๋อเหรอ” แต่คงคิดในใจว่า "คนคนนี้มันอะไรของเขา เลิกลงลึกเสียทีเถอะน่า" ความเป็นจริงเป็นอย่างไร ไม่สมควรเอาเรื่องไม่เหมาะไม่ควรในความสัมพันธ์ชายหญิงมาป่าวประกาศ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องแนว หยาบโลนซึ่งถือเป็นหัวข้อสนทนาที่เสี่ยงถูกเขม่นมากที่สุด ควรหลีกเลี่ยง การคุยเรื่องหยาบโลนอาจเป็นไปเพื่อตลกขบขัน แต่ว่าบางคนอาจจะไม่ตลกด้วย แต่ถ้าเกิดโดนชวนคุยเรื่องหยาบโลนคุณก็ต้องพยายามไม่เล่ายึด ขอแค่ฟังแล้วยิ้มหัวเราะตามไปกับเรื่องราวของอีกฝ่ายก็พอ

คนที่เลียนแบบมุกของตลก ก็ย้อนคนอื่นว่า “แป่ววว ! ซะงัน” แซวเล่นบ้างละ ยิงมุกขัดคอตามใจตัวเอง จะมีคนที่พยายามจะพูดจาเลียนแบบพวกนักแสดงตลก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพวกเราควรทำความเข้าใจก่อนว่า นักแสดงนั้นเป็น ตลกมืออาชีพ “การแซว” หนึ่งในมุกที่นิยมเล่นกันจะรวมเอาฝั่งที่รับบท “ถูกแซว เอาไว้ด้วย เป็นเทคนิคชั้นสูงที่ต้องเล่นโดยมืออาชีพ แต่นอกการแสดง ใครรับบทถูกแซวเท่ากับทำร้ายคู่สนทนา

คนที่แพ้ไม่เป็น คนเรามีนิสัยชอบเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่นโดยธรรมชาติ ถ้าเกิดมีคนประสบความสำเร็จ อะไรสักอย่าง คุณจะรู้สึกอย่างไร ความรู้สึกที่เกิดขึ้นพร้อมกับ ความคิดที่ว่า “ยอดไปเลยแฮะ” ก็คงจะเป็นคลื่นความอิจฉามากบ้างน้อยบ้างปะปน นั่นเป็นความรู้สึกตามธรรมชาติของมนุษย์เรา

ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธมัน แต่จะแสดงความอิจฉาที่ว่าออกมาหรือเปล่านั้นเป็นอีกเรื่อง ถ้าพูดจาแสดงความเจ็บใจออกมาด้วยความอิจฉาละก็ ภาพจำของคุณใน สายตาคนรอบข้างจะกลายเป็นอะไรที่น่าสมเพชไปเลย แต่ถ้าเราแสดงความยินดีจะทำให้เขาจำได้ว่าเราใจกว้าง

--------------------------------------------------------

9 ใน 10 ของชีวิตพิชิตด้วยการพูด

ผู้เขียน: นางามัตสึ ชิเงฮิสะ

ผู้แปล: อิศเรศ ทองปัสโณว์

จำนวนหน้า: 196 หน้า