ชาวไทยชื่นชอบเรื่องสามก๊กกันมาก แต่ทว่าความรับรู้ของชาวไทยนั้น ส่วนใหญ่มาจากนิยายอิงประวัติศาสตร์สามก๊ก ที่ “หลัวก้วนจง” แต่งขึ้น และ “เหมาจ้งกัง” ปรับปรุงแก้ไข ซึ่งไม่ตรงกับ “ประวัติศาสตร์จริง”
เรื่องราวของสามผู้นำที่ก่อร่างสร้างสามก๊ก เมื่อสิ้นบุญวุยอ๋อง - โจโฉ บุตรโจผีสืบทอดอำนาจ และคิดว่าตำแหน่งน้อยเกินไปสำหรับเขาจึงบังคับพระเจ้าเหี้ยนเต้ กษัตริย์หุ่นเชิดให้สละราชสมบัติ และมองว่าราชวงศ์ฮั่นนั้นหมดบุญไปนานแล้วเหลือเพียงในนามเท่านั้น เมื่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ยอมสละราชสมบัติแผ่นดินจึงแบ่งออกเป็นสามก๊กอย่างชัดเจน พระเจ้าโจผีหรือ เว่ยเหวินตี้ ค.ศ. 220 แห่งวุยก๊ก ฝ่ายเล่าปี่ ตั้งตนเป็นอ๋องแห่งฮั่นตงที่ครองเสฉวนสืบชะตาต่ออายุราชวงศ์สถาปนาตนขึ้นเป็นฮ่องเต้แห่งจ๊กก๊ก และซุนกวน มาผูกมิตรกับฝ่ายพระเจ้าโจผีได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋องแห่งง่อก๊กมีเมืองหลวงอยู่บู๋เฉียง (อู่ฮั่น) ก่อนจะย้ายไปยังเมืองหนานกิง
สถานการณ์แผ่นดินเริ่มมีความชัดเจนเป็นสามก๊กหลังศึกหน้าผาแดงที่โจโฉแตกทัพเรือพ่ายแพ้ให้กับพันธมิตรซุน - เล่า ฝ่ายโจโฉมีอำนาจกว้างขวางภาคกลางและภาคเหนือ โดยที่ซุนกวนมีเขตแดนบางส่วนของภาคกลางจรดชายทะเล และเล่าปี่ตั้งตัวขยายอำนาจเมื่อยึดเสฉวนไปจนถึงฮั่นตง
วุยก๊ก ล้มล้างราชวงศ์ฮั่น แรกมีเมืองหลวงอยู่ที่เมืองฮูโต๋ หรือเมืองสวี่ชาง มณฑลเหอหนาน จัดอยู่ในกลุ่มเมืองหลวงโบราณปลายราชวงศ์ฮั่นถึงต้นราชวงศ์วุย เมื่อโจผีขึ้นเป็นฮ่องเต้จึงย้ายเมืองหลวงกลับมาอดีตราชธานีลั่วหยาง
ผู้นำที่ก่อร่างสร้างวุยก๊ก โจโฉ นับรัฐบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ เขาเป็นผู้มีอุดมการณ์ล้ำยุคซึ่งมีความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว เขาดำเนินนโยบายที่มีความหมายอย่างมากในประวัติศาสตร์ เช่น ด้านเศรษฐกิจ เขาจัดระบบแบ่งปันนาและการทำนาใหม่ จัดระบบภาษี ระบบชลประทานใหม่ ด้านการเมืองเขาเสริมอำนาจรวมศูนย์ส่วนกลางโจมตีระบบเจ้าขุนมูลนาย ส่งเสริมคนตามความสามารถ ไม่เลือกตระกูลกำเนิด เคร่งครัดตัวบทกฎหมายไม่ละเว้นแม้ลูกชายของตน ด้านวัฒนธรรมเขาคัดค้านความงมงาย คัดค้านการผูกขาดครอบงำของลัทธิขงจื๊อ โจโฉให้เสรีภาพในการเผยแพร่ปรัชญาต่างๆ นอกเหนือจากลัทธิขงจื๊อ ศาสนาพุทธและลัทธิจวงจื๊อจึงเริ่มเฟื่องฟูขึ้น โจโฉโอบอุ้มเสริมส่งบรรดาปราชญ์ทั้งปวง เพราะโจโฉเองก็คือบัณฑิตผู้ปราดเปรื่อง
ยาขอบ ให้สมญาว่า "ผู้ยอมทรยศคนทั้งโลกแต่ไม่ย่อมให้โลกทรยศ" วุยอ๋องโจโฉตามหลักฐานเอกสารจีนระบุว่า วุยอ๋องสิ้นชีพิตักษัยที่ลกเอี๋ยง อายุหกสิบหก คำสั่งเสียมีว่า
“ใต้ฟ้านี้ยังมิสงบ มิต้องเคารพปฏิบัติตามแบบโบราณ เมื่อฝังศพแล้ว ต่างล้วนเปลี่ยนชุด (กลับเป็นชุดปกติ) เหล่ากองทัพที่ตั้งประจำหน่วยต่างๆ ห้ามเคลื่อนออกจากหน่วย ขุนนางทั้งปวงให้ปฏิบัติหน้าที่ของตนตามปกติ เสื้อผ้าสวมให้ศพจัดตามฤดูกาล (ที่ตาย) ไม่ฝังสมบัติทองหยกของมีค่า”
ปมปริศนาเกี่ยวกับสุสานโจโฉถูกสงสัยมานับเกือบ 1,800 ปี จนกระทั่งสุสานแห่งนี้ถูกพบโดยบังเอิญเมื่อปี พ.ศ. 2551 (ค.ศ. 2009) โดยชาวบ้านในเมืองอันหยาง ห่างจากตัวเมืองไปราว 20 กิโลเมตร และเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. 2566 หลังจากการขุดค้นตกแต่งให้เป็นทั้งสุสานและมิวเซียมแบ่งเป็นห้องที่ขุดเจอแล้วแบ่งเป็นชั้นอยู่ใต้ดินจัดแสดงโบราณวัตถุที่ขุดพบอย่างน่าตื่นตาตื่นใจเมื่อการขุดพบก็พบว่าได้มีขบวนการทำลายสุสานและไม่พบศพ เข้าใจว่าน่าจะหลังจากตระกูลโจราชวงศ์วุยหมดอำนาจสกุลสุมาครองหล้าแทนที่
เป็นสุสานขนาดใหญ่ มีโครงสร้างซับซ้อนมาก ประกอบด้วยห้องด้านหน้าและด้านหลัง และห้องอีกสี่ห้องอยู่ในภายใน ได้ถูกปรับแต่งให้ห้องชมนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับโบราณวัตถุที่ค้นพบสถานที่แห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่ราว 740 ตารางเมตร อันเป็นขนาดและโครงสร้างตามประเพณีจีนโบราณในการฝังศพกษัตริย์ หรือเจ้าครองนครรัฐ โบราณวัตถุที่ขุดพบมีมากกว่า 250 ชิ้น ที่ทำจากทองคำ เงิน ทองสำริด หยก หิน ดินเผา ฯลฯ อีกทั้งหินแกะสลักชื่อ 59 ชิ้น และจารึกหลายชิ้นภายในหลุมฝังศพ โดยมีหินแกะสลักแปดชิ้นที่มีค่ามากที่สุด ซึ่งจารึกเกี่ยวกับอาวุธต่าง ๆ ภายในสุสานยังมีภาพเขียนบนหินจำนวนมาก ที่ละเอียดประณีต ในการขุดค้นสุสานฯ
นักโบราณคดีจีน ระหว่างการขุดค้นทางโบราณคดีได้ป้ายหินแกะสลักตัวอักษร และหมอนหินที่ขุดค้นพบภายในสุสาน จารึกชื่อ “เว่ยอู่หวัง” ( คือพระนามที่ถูกสถาปนาของโจโฉ) นักโบราณคดีจึงปักธงได้ว่าเจ้าของสุสานคือ โจโฉ
หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรีผู้สถาปนาหนังสือพิมพ์สยามรัฐได้กล่าวว่า "ยิ่งอ่าน ยิ่งรักน้ำใจโจโฉ" และเป็นที่ของหนังสือที่ชื่อ โจโฉ นายกฯตลอดกาล ที่ว่าด้วยการมองโจโฉในอีกแง่ และให้ฝ่ายจ๊กก๊ก ของเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย เป็นตัวร้ายแทน
ทองแถม นาถจำนง กูรูด้านจีนวิทยาและสามก๊กได้สรุปความเป็น โจโฉ 3 อย่างคือ 1.รัฐบุรุษ 2.ขุนพลผู้ชาญศึก และ 3.รัตนกวี ซึ่งบทกวีของโจโฉกระทรวงศึกษาธิการของจีนยังได้บรรจุบทกวีของโจโฉไว้ในตำราเรียนระดับชั้นมัธยม และบทกวีของโจโฉ ก็เป็นต้นแบบให้เหล่าบรรดากวีที่เรียกว่า “กวีกลุ่มเจี้ยงอัน” ที่เป็นจุดหักมุมจุดหนึ่งของประวัติวรรณคดีจีน
สุสานโจโฉถึงแม้จะมีการค้นพบและปรับปรุงเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมประวัติศาสตร์จีนว่าด้วยยุคสามก๊ก
แต่ก็ยังเป็นสถานที่สงสัยว่าที่แห่งนี้เป็นของจริงหรือเปล่า...?