ผู้คนทุกวันนี้ส่วนใหญ่ทุกข์เพราะความคิด แม้มีมากมายเพียงใด หากมัวนึกถึงแต่สิ่งที่ตนยังไม่มีหรือจดจ่ออยู่กับสิ่งที่สูญเสียไป ก็ไม่มีความสุข ไม่ว่าได้มาเท่าไร ถ้าเห็นคนอื่นมีมากกว่า ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที ถึงจะได้โชคลาภ แต่ถ้าคิดว่าตนน่าจะได้มากกว่านั้น ใจก็พลันขุ่นมัว ในทางตรงข้าม แม้จะมีน้อย แต่หากชื่นชมและเห็นคุณค่าของสิ่งที่ตนมี ใจก็เป็นสุข แม้เจ็บป่วย แต่รู้จักมองแง่บวก ก็สามารถยิ้มได้ มีเหตุร้ายมากระทบ แต่ถ้ามีสติและปัญญา ก็ยังเป็นสุขอยู่ได้ เราไม่สามารถควบคุมทุกอย่างให้เป็นไปดั่งใจได้ อีกทั้งไม่สามารถปกป้องมิให้อันตรายหรือความสูญเสียเกิดขึ้นกับเราได้แม้แต่น้อย แต่เราสามารถปรับใจของเราให้เป็นสุขได้แม้ทุกข์มากระทบ ชีวิตที่มืดมนและสิ้นหวัง สามารถกลายเป็นชีวิตที่สว่างไสวและเบิกบานได้ ไม่ใช่เพราะลาภ ยศ สรรเสริญ และความสำเร็จหลั่งไหลมา แต่เป็นเพราะจิตพลิกเปลี่ยนต่างหาก การฝึกฝนพัฒนาจิตจึงเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ชีวิตที่ผาสุกและเจริญงอกงาม ดังนั้นการที่คณะครูและเจ้าหน้าที่โรงเรียนวรรณสว่างจิต มารับการฝึกอบรมเพื่อการพัฒนาจิต ที่วัดป่าสุคะโต อย่างต่อเนื่องตลอดสิบปีที่ผ่านมาจึงนับว่าน่าอนุโมทนาอย่างยิ่ง ว่าจำเพาะการอบรมครั้งล่าสุดคือ เมื่อวันที่ ๑๖-๒๐ มีนาคม ศกนี้ เกือบทุกคนเคยผ่านการอบรมที่วัดป่าสุคะโตมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ดังนั้นกิจกรรมส่วนใหญ่ในระหว่างการอบรม จึงแตกต่างจากการอบรมที่ผ่านมา แต่ที่ยังเหมือนเดิม คือ การเจริญสติ ซึ่งเป็นหัวใจการภาวนาแบบพุทธ ผลพลอยได้จากการอบรมครั้งนั้นคือหนังสือเล่มนี้ ซึ่งเป็นคำบรรยายของข้าพเจ้าหลังทำวัตรเช้าและวัตรเย็น รวมทั้งก่อนรับประทานอาหาร แม้เนื้อหาส่วนใหญ่จะไม่แตกต่างจากคำบรรยายครั้งก่อน ๆ แต่หวังว่าจะเป็นการช่วยย้ำเตือนให้ตระหนักว่า สุขหรือทุกข์นั้นอยู่ที่ใจเป็นสำคัญ ดังนั้นจึงควรหมั่นฝึกจิตอยู่เสมอหากหวังความเจริญงอกงามของชีวิต เมื่อมีความทุกข์ อย่ามัวคิดเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ จนลืมพลิกจิตของตน